ภัยอินเตอร์เน็ต

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553





นางสาวพิมพ์ชนก ศรีชัยมูล
50011710167
คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์

ภุมิลำเนา อุดรธานี
สาวกอีโม - Hi5 กราฟฟิคสำหรับคอมเมนต์
สาวกอีโม - Hi5 กราฟฟิคสำหรับคอมเมนต์

สาวกอีโม - Hi5 กราฟฟิคสำหรับคอมเมนต์
สาวกอีโม - Hi5 กราฟฟิคสำหรับคอมเมนต์

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553


ค่าเช่าที่แพงขึ้นไม่มาก อาจแลกมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันภัยร้าย เช่น การแลกบัตรเข้า-ออก กุญแจการ์ดที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ถือบัตรเข้าอาคารได้ กล้องวงจรปิดที่บันทึกทุกความเคลื่อนไหว สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่ถ้าขาดการรักษาความปลอดภัยที่ควรจะมี บางทีเหตุร้ายอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิดอย่างในกรณีของนักศึกษาสาวคนหนึ่ง เช่าห้องพักที่หอซึ่งเธอยอมรับว่าขาดการรักษาความปลอดภัย แต่เธอก็เต็มใจเลือกเนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นหลักหลายร้อย วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังจะเดินทางไปเรียน เธอแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาอย่างเรียบร้อย ลงลิฟท์ (ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด)มาชั้นล่างเพียงคนเดียว ก่อนถึงชั้นล่าง ลิฟท์หยุดรับที่ชั้น 3 เมื่อประตูเปิดมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาใช้มีดจี้ที่เอว บังคับห้ามไม่ให้เธอส่งเสียง เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง ไม่มีใครยืนรอใช้ลิฟท์ เขาจึงสั่งให้เธอกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุด ขณะที่อยู่ในลิฟท์ เขาทำร้ายร่างกาย กระฉากกระเป๋าถือที่ในนั้นมีเงินสดจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ พร้อมกับลวนลามด้วยการจับหน้าอก เมื่อลิฟท์ขึ้นถึงชั้นบนสุด เขาฉุดกระฉากเธออกไปด้านนอก หวังจะพาเธอออกไปที่ดาดฟ้าเพื่อข่มขืน แต่โชคดีที่ประตูดาดฟ้าถูกล็อก เธอจึงถูกปล่อยตัวลงมา หลังจากนั้น เธอรีบลงมาชั้นล่าง แจ้งกับเจ้าหน้าที่หอพักให้แจ้งตำรวจ จนสามารถจับกุมคนร้ายได้หรือจะเป็นอีกกรณีที่เคยเป็นข่าว... คนร้ายตะเวนตามหอพัก โดยการเลือกห้องที่ไม่ได้ล็อกประตู แล้วเปิดเข้าไปขโมยของ หรือพยายามข่มขืนผู้หญิงที่อยู่ในห้อง ซึ่งตำรวจสามารถรวบตัวไว้ได้แม้กรณีที่กล่าวถึง คนร้ายจะถูกจับกุม และดำเนินคดี แต่เชื่อว่ายังมีคนร้ายอีกหลายรายที่ก่อเหตุแล้วยังลอยนวล ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องพักอาศัยอยู่ตามหอพัก ควรเพิ่มความระมัดระวัง เช่น ล็อกประตู-หน้าต่างห้องให้แน่นหนา ไม่เปิดประตูรับคนแปลกหน้า โดยอาจเจาะช่องมองหรือตาแมวที่ประตู และหากหอพักค่อนข้างเปลี่ยวก็ไม่ควรเดินไปไหนมาไหนคนเพียงลำพัง ควรฝึกหรือศึกษาเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวเอาไว้บ้าง.



เพื่อประโยชน์แก่คุณผู้หญิง คนไม่ดีมันเยอะล้นเมือง.... เพื่อให้ได้อรรถรส ควรจินตนาการภาพตามไปด้วยนะค่ะ
1. คนร้ายจะซุ่มรอทีเผลอ ที่โดนบ่อยๆคือล็อคแขนไขว้หลัง มืออุดปากแล้วกระชากหรือลากเข้าข้างทาง ถ้าเตรียมตัวมาดีก็อาจจะมีอาวุธจี้เพื่อไม่ให้เหยื่อขัดขืน แน่นอนว่าน้อยคนที่เห็นมีด ปืนแล้วจะกล้าใช้แท็คติคที่เรียนมา
2. เมื่อ โดนลากเข้าข้างทาง คุณก็จะโดนต่อยท้องเพื่อให้จุกจนไม่มีแรงดิ้นและตบปากหรือต่อยหน้าเพื่อให้ กลัวเจ็บหรือกึ่งๆหมดสติ จากนั้นถ้าคนร้ายหื่นแบบชาญฉลาดก็จะหาของมาอุดปากคุณไว้ ถ้าโชคร้ายคุณนุ่งกระโปรงมาอาจจะเจอ กกน.ตัวเอง ซวยแท้ๆ
3. เมื่อ คนร้ายเห็นคุณไม่มีแรงดิ้น ก็จะทำการถลกส่วนล่างคุณออก โดยท่าที่นิยมคือนั่งคร่อมเอว เอาเข่ากดแขนส่วนบนคุณไว้ทำให้ไม่มีแรงมากพอจะผลักแถมยังจุกอยู่อีกตะหาก
4. จากนั้นเมื่อฐานยิงโล่งโจ้ง คนร้ายก็จะงัดจรวดออกมาเตรียมปฏิบัติการ จังหวะนี้ถ้าคุณโชคดียังมีสติอยู่ให้พยายามเซฟแรงไว้รอข้อต่อไป
5. เมื่อคนร้ายพยายามสอดใส่ ให้คุณรวบรวพลังที่มี "ขมิบ" ไว้ ตะบองแข็งหรือจะสู้แรงโล่เนื้อ คนร้ายก็จะเริ่มเสียสมาธิเพราะจ้องจะลงรูอย่างเดียว ให้คุณอาศัยจังหวะนี้ซึ่งคนร้ายมักจะเผลอลืมกดแขน คว้าลูกป๋องแป๋งเลย โดนลูกเดียวไม่เป็นไร อย่าตกใจปล่อยมือเพื่อกำใหม่ให้โดนสองลูกเดี๋ยว จะหมดโอกาส จากนั้นบีบให้เต็มที่เลย เอาเล็บจิกด้วยยิ่งดี ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครคิดจะฆ่าคุณในตอนนี้หรอกคับ รับรองร้องเสียงหลง ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
6. หลัง จากนั้น อ๊ะๆ อย่าเพิ่งคิดหนี พิจารณาดูคนร้ายให้ดีก่อน รีบประเมินสถานภาพคนร้ายว่า ที่เราทำลงไปหยุดเขาได้ไหม ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ตายตอนโดนข่มขืนแต่จะมาตายตอนนี้ละ เพราะจะหนีอย่างเดียว ตัวเองก็วิ่งไม่ไหว คนร้ายก็ยังลุกขึ้นมาตามทุบหัวเอาได้ ดังนั้นหากเห็นว่าคนร้ายหมดสภาพแน่ๆและชุมชนอยู่ไม่ไกลจึงค่อยหนี
7. ทีนี้ถ้าคนร้ายแค่เสียจังหวะคืออาจจะลงไปนอนงอก่องอขิงอยู่แป๊บเดียวและมีทีท่าจะลุกขึ้นมา สิ่งที่คุณต้องทำคือ รีบหาอาวุธให้เร็วที่สุด ไม้ ก้อนหิน ปากกา(ใช้เสียบได้) คัตเตอร์ สเปรย์ ปืน ครกที่จะเอาไปจำนำฯลฯ ถ้าไม่มีจริงๆก็ส้นตรีนนี่แหละ หวดเข้าไปที่บริเวณต่อไปนี้- ที่เดิม (ไอ้นั่นแหละ) แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ได้เพราะคนร้ายมักจะกุมไว้- หน้าแงหรือกลางแสกหน้า คนตัวโตๆ ตายเพราะส้นตรีนผู้หญิงๆมีเยอะ ยิ่งใส่ส้นสูงด้วย อู๊ย....- กกหู ขมับ ทุบรัวๆเลย(ไม่แนะนำท้ายทอยหรือคาง โดนยาก)- ถ้ามีก้อนหินโตๆ ทุบกลางหน้าแข้งเลย รับรองเดี้ยง ร้องสามบ้านแปดบ้าน- ที่สุดท้าย อาจจะโหดหน่อยแต่ถ้าทำได้ เวิร์ค "นิ้วเท้า" โดยเฉพาะนิ้วเล็กๆตั้งแต่นิ้วกลางถึงนิ้วก้อยนี่ละคับ หินทุบผัวะเข้าไป อย่าใจอ่อน เอาให้เละไปเลย ถ้าทำดีคนร้ายอาจจะเจ็บถึงสลบ- จากนั้นรีบจัดเครื่องแต่งกาย คว้าสิ่งของมีค่าพาตัวเองออกไปให้ไวที่สุด กรี๊ดๆกรูรอดแล้ว เจ้าข้าเอ้ย
นี่ สำหรับเจอตัวต่อตัวนะคะ ถ้ามากกว่าสอง ให้แนะนำว่า "ทำใจ" โดนแน่ๆ หนักหรือเบาแล้วแต่บุญแต่กรรม







ยาเสพติด...ภัยสังคมไทย

ยาเสพติดที่แบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางเสียก่อน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1. ประเภทกดประสาท ยาเสพติดประเภทนี้เมื่อเสพเข้าไปแล้วผู้เสพจะรู้สึกเฉื่อยชา อ่อน เพลียไม่อยากทำงาน ได้แก ฝิ่น เฮโรอีน สารระเหย เหล้าแห้ง เป็นต้น
2. ประเภทกระตุ้นประสาท ประเภทนี้เมื่อเสพเข้าไปแล้วจะรู้สึกคึกคัก สดชื่น กระปรี้กระเปร่า กระตือรือล้นอยากทำงาน ตาสว่าง ได้แก่ ยาม้า ยาอี โคเคน และกระท่อม เป็นต้น
3. ประเภทหลอนประสาท ประเภทนี้เมื่อเสพแล้วจะรู้สึกเพ้อฝัน สร้างวิมานในอาการ สลึมสลือ ได้แก่ ยา LSD (ปัจจุบันทำให้รูปแผ่นแสตมป์ คือทำเป็นแผ่นแสตมป์บาง ๆ เคลือบด้วย LSD เสพโดยการวางไว้ที่ลิ้น) กัญชา เห็ดขี้ควาย เป็นต้น
4. ประเภทออกฤทธิ์แบบผสมผสาน ประเภทนี้จะออกฤทธิ์ทั้งกดประสาท กระตุ้นประสาท หรือหลอนประสาทด้วยอาการ ของผู้เสพประเภทนี้ ระยะต้นจะมีอาการแบบหนึ่ง พอสักพักก็จะมีอาการเปลี่ยนไปอีกแบบ เช่น กัญชา เมื่อเสพใหม่ๆ จะมีอาการ เหมือนกระตุ้นแต่พอสักระยะหนึ่งจะมีอาการเซื่องซึมลง
เมื่อก่อนนี้ยาเสพติดทีแพร่ระบาดมากที่สุดในประเทศเราคือเฮโรอีน แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ใช่แล้ว ยาเสพติดที่กำลังแพร่ ระบาดมากที่สุดได้แก่ ยาบ้า ยาอี และกำลังแพร่ระบาดเข้าสู่กลุ่มวัยรุ่นและสถาบันการศึกษาอย่างน่าเป็นห่วงยิ่ง
ยาบ้ามีชื่อเรียกหลายชื่อแต่ชื่อที่เป็นทางการว่าแอมเฟตามิน ก่อนหน้านี้เรียกกันว่ายาม้าหรือยาขยันเพราะเชื่อกัน ว่าเมื่อเสพแล้วคึกเหมือนม้าที่กำลังจะออกจากซอง ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2539 กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศเปลี่ยน ชื่อยาม้าเป็นยาบ้า เพื่อเป็นการบอกให้ประชาชนทราบว่ายาชนิดนี้เมื่อเสพเข้าไปแล้ว ผู้เสพจะมีสภาพไม่ผิดกับคนบ้าหรือคนที่ เสียสติ กล่าวคือ เมื่อเสพเข้าไปแล้วจะทำให้มึน ประสาทตึงเครียด จิตใจสับสน กระวนกระวาย ประสาทหลอน เพ้อคลั่ง หัวใจเต้น เร็วผิดปกติ ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เกิดการกังวล ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทำให้ขาดสติ และเป็นต้นเหตุของการเกิด อุบัติเหตุและกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ได้โดยไม่รู้ตัว เช่น ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายเพื่อน หรือใช้อาวุธจี้เด็กเป็นตัวประกัน เป็นต้น

ส่วนยาอีนั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เอ็คซ์ตาซี่ (ECSTASY) เป็นสารที่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี จัดเป็นวัตถุออก ฤทธิ์ประเภทที่ 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท พ.ศ. 2518 และจัดอยู่ในสารที่ต้องควบคุมตามอนุสัญญา สหประชาชาติว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ค.ศ. 1971
ยานี้มักจะพบอยู่ในรูปของแคบซูลทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีสีสรรต่าง ๆ สวยงาม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดกลมแบนสี ขาว น้ำตาล ชมพู ไม่ค่อยพบในลักษณะที่เป็นผง ในประเทศเรารู้จักกันในนามของยา "E" หรือ "XTC" หรือ "ADAM" มีชื่อทาง การค้าของกลุ่มผู้ใช้หลายชื่อ เช่น ESSENCE/LOVE DOVERS/WHITE DOVERS/DISGO BURGERS/NEW YORKERS DISGO BISCUITS และ CALIFORNIAN SUNRISE เป็นต้น
ยาอีนี้มีฤทธิ์กระตุ้นเข่นเดียวกับยาบ้า จะออกฤทธิ์หลังเสพเข้าไปแล้วประมาณ 20-30 นาที และมีฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ติดยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่น คือ
1. จากการถูกชักชวน การถูกชักชวนนี้อาจจะเกิดจากเพื่อนสนิทที่กำลังติดยาอยู่และอยากจะให้เพื่อนลองบ้าง ปัญหานี้มัก จะเกิดกับเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัว ขาดความอบอุ่น ใจแตก เอาเพื่อนเป็นที่พึ่ง
นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ในแหล่งที่มีการซื้อขายยาเสพติดก็อาจจะได้รับการชักจูงคุณภาพของยาเสพติดว่าดีต่าง ๆ นานา เช่น อาจ จะบอกว่าเมื่อเสพแล้วจะทำให้ปลอดโปร่งเหมาะแก่การเรียน การทำงาน การชักจูงดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ถูกชักจูง กำลังมึนเมาสุราเที่ยวแตร่กัน จึงทำให้เกิดการติดยาได้
2. จากการอยากทดลอง อยากรู้อยากเห็น อยากจะรู้รสชาติ อยากสัมผัส โดยคิดว่าคงจะไม่ติดง่าย ๆ แต่เมื่อทดลองเสพเข้า ไปแล้วมักจะติด เพราะยาเสพติดในปัจจุบัน เช่น เฮโรอีน จะติดง่ายมากแม้เสพเพียงครั้งหรือสองครั้งก็จะติดแล้ว
3. จากการถูกหลอกลวง ยาเสพติดมีรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ผู้ถูกหลอกลวงไม่ทราบว่าสิ่วงที่ตนได้กินเข้าไปนั้นเป็นยาเสพ ติดให้โทษร้ายแรง คิดว่าเป็นยาธรรมดาไม่มีพิษร้ายแรงอะไรตามที่ผู้หลอกลวงแนะนำ ผลสุดท้ายกลายเป็นผู้ติดยาเสพติดไป
4. เหตุทางกาย ความเจ็บป่วยทางกาย เช่น ต้องถูกผ่าตัดหรือเป็นโรคปวดศีรษะ เป็นหืดเป็นโรคประสาท ได้รับความ ทรมานทางกายมากผู้ป่วยต้องการบรรเทา พยายามช่วยตัวเองมานานแต่ก็ไม่หาย จึงหันเข้าหายาเสพติดจนติดยาในที่สุด
5. จากความคึกคะนอง บุคคลประเภทนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งอยากลอง ซึ่งรู้แก่ใจว่ายาเสพติดให้โทษเป็นสิ่งไม่ดี แต่ด้วย ความที่คึกคะนองเป็นวัยรุ่นไม่เกรงกลัวอะไร ต้องการแสดงความเด่นดังอวดเพื่อนว่าข้านี้คือพระเอก ขาดความยั้งคิดจึงเสพยา เสพติดและติดยาในที่สุด
6. จากสิ่งแวดล้อม เช่น สถานที่อยู่อาศัยแออัด เป็นแหล่งสลัม หรือเป็นแหล่งที่มีการเสพและค้ายาเสพติด ภาวะทาง เศรษฐกิจบีบคั้นจิตใจ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือจิตใจผลักดันให้ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว บางคนหันมาพึ่งยา เสพติด โดยคิดว่าจะช่วยให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาพต่าง ๆ ที่คับข้องใจเหล่านั้นได้









ภัยจากอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องระวัง
นับวันปริมาณการแจ้งเตือนไวรัส รวมถึงวิธีการโจมตีของมัลแวร์ต่างๆ นับวันจะเพิ่มปริมาณ มากขึ้นเรื่อยๆ และมีความถี่สูงขึ้นมาก รวมถึงภัยจากการประกอบอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต ก็มีรูปแบบทั้งที่เป็นการใช้เทคนิคที่เรียบง่าย และแยบยลสลับกันไป ทั้งหมดนี้เป็นปัญหา ที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และในองค์กร มักคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไข หรือ ป้องกันได้ด้วยตัวเอง
แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีการป้องกันการโจมตี และคุกคามจากมัลแวร์ และแฮกเกอร์ สามารถป้องกันได้ เพียงต้องปรับปรุงพฤติกรรมการใช้ และสามารถศึกษาได้ด้วยตัวเอง
พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยี และสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม หรือ DSI ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ ของภัยบนอินเทอร์เน็ตว่า ประเทศไทยมีคนใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 7 ล้านคน แต่ที่ใช้ประจำมีประมาณ 3 ล้านคนของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เช่น เกาหลีใต้มี 60% ญี่ปุ่นมี 80% จีนมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่าร้อยล้านคน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ก็มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทาก หากคนไทยไม่กระตือรือร้นเรื่องการป้องกัน ประเทศไทยจะเป็นช่องโหว่ ที่ผ่านมาผู้บริหารไม่ตระหนักเรื่องช่องโหว่เท่าใดนัก ทั้งที่จริงแล้วคอมพิวเตอร์เป็นหัวใจหลักในการทำธุรกิจ
"ในประเทศไทยมีปัญหาหลายตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น การขโมยโดเมนเนม เว็บมาสเตอร์ หลายคนทำเว็บจนโด่งดัง แล้วก็โดนขโมยทำให้กลายไปเป็นเว็บโป๊ เว็บดีๆเข้าป่าหมด ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาโดนกันกว่า 20 รายจากฝีมือคนๆ เดียวกัน ในต่างประเทศ หญิงสาว หลายคนชอบเล่น กล้องเว็บแคม (Webcam) แฮกเกอร์ก็วางโทรจันบังคับเปิด-ปิดกล้องได้ตามใจชอบ เนื่องจากระบบของต่างประเทศเป็น Broadcast ที่เข้าระบบตลอดเวลา โดนแอบถ่ายอิริยาบทต่างๆ กลายเป็นดาราหน้ากล้องไปทั่วโลก แบบไม่รู้ตัว ดังนั้น เมื่อเลิกใช้ต้องถอดสาย USB จากกล้องหรือหาผ้าหนาๆ มาคลุมไว้ อย่าไปหวังความปลอดภัยจากระบบดิจิตอลให้มากนัก" พ.ต.อ.ญาณพล อธิบายอย่างออกรสชาติ
มือปราบไซเบอร์ของ DSI ยกตัวอย่างคดีที่เกิดขึ้นบนโลกดิจิตอลอีกว่า มีเรื่องฉ้อโกงธรรมดาแต่ไปเกิดบนอินเทอร์เน็ต เช่น โกงขายมือถือ โดยประกาศขาย ทางเว็บไซต์ขายของมือสอง แล้วขอค่ามัดจำสินค้า โกงแบบข้ามชาติ เช่น หวยล็อตโต้ ที่ส่งอีเมล์บอกว่าถูกรางวัลหลายล้านยูโร แล้วให้เหยื่อส่งค่าเปิดบัญชี ค่าธรรมเนียมไปให้เพื่อ หลอกเอาเงินบางรายโดนไปหลายล้านบาท อีกส่วนเป็นการขโมยเชิงเทคนิค เช่นการขโมยใช้โทรศัพท์โทรทางไกลไปต่างประเทศผ่านคอมพิวเตอร์ Gateway เช่น ตามบริษัทต่างชาติปกติจ่ายค่าทางไกล 3 แสนต่อเดือนก็โดนไปเป็น 8 ล้านบาทต่อเดือน
ด้านความเห็นจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง นายสมญา พัฒนวรพันธุ์ กอง15 สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภัยทางอินเทอร์เน็ต ต่อความมั่นคงของชาติว่า ผู้ก่อการร้ายใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อมากขึ้น เพื่อหารายได้ โดยส่วนใหญ่มีฐานการทำงานในรัสเซีย ยูเครน และประเทศที่แยกออกมาจาก สหภาพโซเวียตหลังสงครามเย็นยุติ ประเทศที่ตกเป็นเหยื่อมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา
นายสมญา กล่าวเสริมว่า สำนักข่าวกรองประเมินว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายใช้อินเทอร์เน็ตใน 4 รูปแบบ คือ เผยแพร่ข้อมูลแก่กลุ่มสมาชิก หาสมาชิกใหม่ และโฆษณาชวนเชื่อ ใช้ทำสงครามข้อมูลข่าวสาร เช่น เผยแพร่ภาพตัดคอตัวประกัน ศพทหารสหรัฐในอิรัก ใช้ค้นหาข้อมูลของเป้าหมายก่อนโจมตี เพราะหลายเว็บไซต์บอก กำหนดการเดินทางของผู้นำ และใช้อินเทอร์เน็ตโจมตีระบบ เพราะทำได้ทุกมุมโลก
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ หัวหน้าศูนย์การประสานงานการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ประเทศไทย หรือ ThaiCERT ในสังกัดศูนย์เทคโนโลยีอิเล็คทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) กล่าวว่า ปัจจุบันเป้าหมายการโจมตีเปลี่ยนไปจากผู้ดูแลระบบ (Admin) เป็นผู้ใช้งานทั่วไป (User) การจู่โจมที่น่าห่วงคือ สแปมเมล์ที่นำมัลแวร์ (Malware) และฟิชชิ่ง (Phishing) สู่ผู้ใช้งาน จึงมีความจำเป็นมากที่ต้องสร้างความรู้ และความตระหนักแก่ผู้ดูแลระบบ และผู้ใช้งานทั่วไปจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 7 ล้านคนหรือ 11.7% ของประชากรทั้งหมด โดยวัยที่มีการใช้มากที่สุดคือช่วงอายุ 15-24 ปีถึง 52% และเป็นวัยที่มักรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ส่วนผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ นายปริญญา หอมอเนก ผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาผู้เชี่ยวชาญระบบเครือข่าย และความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ (ACIS) เล่าให้ฟังถึงสถานการณ์ของภัยคุกคามด้านคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันว่า สาเหตุที่เกิดไวรัส สายพันธุ์ใหม่ๆ และมีการระบาดที่รวดเร็วมาก เพราะการเติบโตของบริการ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ประเทศที่ติดอันดับการโจมตีมากคือ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้มีไวรัสมาก ตามด้วยปัญหาสแปมเมล์ ส่วน ประเทศจีน มีแฮกเกอร์ที่ก้าวหน้าในเทคโนโลยีการเจาะช่องโหว่ และแนวโน้มของประเทศที่เป็นเหยื่อก็คือประเทศในภูมิภาคเอเชีย
นายปริญญา กล่าวเสริมว่า จากรายงานของการ์ทเนอร์ พบว่าช่วง Zero Day หรือช่วงที่เพิ่งพบช่องโหว่ และยังไม่มีการทำแพทช์เสริม และอัพเดทไวรัสจะอันตรายที่สุด ตรงนี้จะทำอย่างไร ในเมื่อ 70%ของการป้องกันอยู่ที่ชั้นแอพลิเคชัน ตอนนี้เกิด Script Kiddy คือ แฮกเกอร์ที่ไม่ต้องเก่งแต่เจาะระบบได้ เพียงไปดาวน์โหลดเครื่องมือที่คนเก่งๆ ทำทิ้งไว้ บางคนคิดว่าเครื่องปลอดภัย แต่แท้จริงแล้วมีโทรจันอยู่ในเครื่อง และเชื่อมต่อกับแฮกเกอร์ พวกนี้จะใช้เครื่องที่ติดโทรจันเป็นฐานยิงอีเมล์ที่ตกแต่งแล้ว เมื่อแอนตี้ไวรัสตรวจก็ไม่รู้จัก คนที่โดนทำเช่นนี้มักถูกบล็อกเมล์จากเมล์เซิร์ฟเวอร์ของที่อื่น เนื่องจาก แฮกเกอร์เอาเครื่องที่เราใช้เป็นฐานยิงโทรจันถล่มเมล์เซิร์ฟเวอร์ของคนอื่น
"แนวโน้มทิศทางด้านความปลอดภัยของระบบความปลอดภัยของไอที จะเน้นไปทางด้าน การควบคุม และตรวจสอบภายใน (IT Internal Audit and Control) กันมากขึ้น โดยมีการบริหารและประเมินความเสี่ยง ตลอดจนกำหนดนโยบายด้าน การรักษาความปลอดภัย ไอทีในระดับองค์กร โดยนำแนวทาง "Best Practices" ต่างๆ อาทิ ISO/ IEC17799 หรือ Cobit/COSO Framework รวมถึงการจัดให้มีการ อบรมเสริมสร้าง ความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ใช้งานไอทีทุกคนในระดับองค์กร ตั้งแต่ผู้บริหาร สูงสุดไปจนถึงระดับปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความรู้เท่าทัน และรับมือกับเทคนิคการโจมตีใหม่ ของไวรัสคอมพิวเตอร์ และแฮกเกอร์ เพราะความปลอดภัยด้านไอทีนั้น การแก้ปัญหาต้องมี คน เป็นบุคลากรที่มีความรู้และชำนาญ ระบบการจัดการ ที่ดีเป็น Intrusion & Prevention และสุดท้ายใช้ เทคโนโลยีที่ดีและมีประสิทธิภาพ
เป็นเรื่องที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ควรรับรู้ว่า จริงๆ แล้ว การแก้ปัญหาและป้องกันตัวเองจาก มัลแวร์ และการโจมตีแบบ Social Attack หรือการหลอกลวงทั้งหลาย หน้าที่นี้เป็นของทุกคนที่เกี่ยวข้องว่าเลือกที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือมีความพยายามที่จะเรียนรู้เพื่อการป้องกันมากน้อยแค่ไหน?


บริจาคโลหิต


การบริจาคโลหิต คือการเก็บโลหิตจากผู้มีความประสงค์จะบริจาค แล้วนำโลหิตดังกล่าว ผ่านขบวนการคัดกรอง หากมีคุณสมบัติที่ดีจะถูกนำไปเก็บใน ธนาคารโลหิต หรือส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำออกมาใช้ในยามฉุกเฉิน
การบริจาคโลหิต สามารถทำได้ทุกๆ 3 - 4 เดือน ตามความเหมาะสมของสภาพร่างกายของบุคคลที่จะบริจาค ซึ่งผู้บริจาคจะต้องมีคุณสมบัติ ประกอบกับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งมีหน่วยเคลื่อนที่บริการในการรับบริจาคโลหิต หรือสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาคประจำจังหวัด ของสภากาชาดไทย
ที่มา www.blooddonationthai.com
มาเม้นกานค่ะติดตามเราด้วยนะค่ะ

Code Calendar by zalim-code.com